การมงคลสมรสในพระคริสต์ของผู้เชื่อในพระเยซูคริสต์
1. “การสมรสในพระคริสต์” หมายถึง การที่พระเจ้าได้ทรงผูกพันให้พี่น้องชายและพี่น้องหญิงเป็นกายเคียงกันตลอดไป เป็นการให้คำมั่นสัญญาต่อพระพักตร์พระเจ้าว่าทั้งคู่จะรักและซื่อสัตย์ต่อกันตลอดไป โดยเชื่อว่าเป็นการกำหนดของพระเจ้า, เป็นพระประสงค์และการอวยพระพรของพระเจ้า เพื่อให้ทั้งสองสามีภรรยาเป็นคู่ร่วมรับพระคุณแห่งชีวิตเป็นมรดกด้วยกันและร่วมเป็นพยานถึงพระคริสต์และคริสตจักร ซึ่งเป็นข้อลับลึกที่ยิ่งใหญ่
อฟ. 5:31–32 เพราะเหตุนี้ผู้ชายจึงจะละบิดามารดาของตนไปเข้าสนิทกับภรรยาของตนและเขาทั้งสองจะกลายเป็นกายเดียวกัน ข้อนี้ก็เป็นข้อลับลึกที่ยิ่งใหญ่ แต่ข้าพเจ้าพูดถึงพระคริสต์และคริสตจักร.
1ปต. 3:7 ในทำนองเดียวกัน ฝ่ายท่านทั้งหลายที่เป็นสามีก็จงอยู่กินกับภรรยาตามความรู้เพราะเธอเป็นภาชนะที่อ่อนแอกว่าท่าน เป็นเพศหญิง จงให้เกียรติแก่ภรรยาตามส่วนที่เธอควรจะได้นั้น เพราะเธอเป็นคู่ร่วมรับพระคุณแห่งชีวิตเป็นมรดกด้วยกันกับท่าน เพื่อคำอธิษฐานของท่านจะไม่ถูกขัดขวาง.
2. คู่สมรสทั้งฝ่ายชายและหญิงต้องเป็นผู้เชื่อในพระคริสต์เท่านั้น เพราะคู่สมรสนี้เป็นเครื่องหมายเล็งถึงพระคริสต์และคริสตจักร
2กธ. 6:14 ท่านทั้งหลายจงอย่าเข้าเทียมแอกที่แตกต่างกันกับคนที่ไม่เชื่อ เพราะว่าความชอบธรรมจะมีหุ้นส่วนอะไรกับการล่วงกฎบัญญัติ?
หรือความสว่างจะมีการสามัคคีธรรมอะไรกับความมืด?
3. การสมรสนี้ต้องเป็นที่นับถือท่ามกลางคนทั้งปวง
ฮร. 13:4 จงให้การสมรสเป็นที่นับถือท่ามกลางคนทั้งปวงและให้ที่นอนปราศจากมลทิน เพราะพระเจ้าจะทรงพิพากษาคนที่ล่วงประเวณีและคนคบชู้.
4. คู่สมรสต้องจดทะเบียนสมรสตามกฎหมายและยังต้องจดทะเบียนสมสที่คริสตจักรกำหนดด้วย โดยต้องลงชื่อคู่บ่าวสาวและบิดามารดาของคู่บ่าวสาวลงชื่อยินยอม และผู้อาวุโสคริสตจักรลงชื่อรับรองด้วย
5. หลังจากสมรสแล้ว สำหรับผู้เชื่อในพระคริสต์ไม่มีการหย่ากัน
มธ. 9:5–6 ซึ่งจะว่า ‘ความบาปของเจ้าได้รับการอภัยแล้ว’ หรือจะว่า ‘จงลุกขึ้นเดินไปเถิด’ อย่างไหนจะง่ายกว่ากัน? แต่ทั้งนี้ก็เพื่อท่านทั้งหลายจะได้รู้ว่าบุตรมนุษย์มีอำนาจที่จะอภัยความบาปบนแผ่นดินโลกได้ — พระองค์จึงตรัสกับคนเป็นอัมพาตว่า “จงลุกขึ้นยกเปลกลับไปบ้านเถิด.”
6. เมื่อพิจารณาตามการกำหนดของพระเจ้าในพระคัมภีร์ไม่อนุญาตให้มีเรื่องของการรักร่วมเพศ
1กธ. 6:9–10 ท่านไม่รู้หรือว่า คนที่ไม่ชอบธรรมจะรับอาณาจักรของพระเจ้าเป็นมรดกไม่ได้? อย่าหลงเลย คนล่วงประเวณี, คนไหว้รูปเคารพ, คนคบชู้, โสเภณีชาย, คนรักร่วมเพศ, คนขโมย, คนโลภ, คนขี้เมา, คนปากร้าย, คนขูดรีด ล้วนไม่อาจรับอาณาจักรของพระเจ้าเป็นมรดก.
7. รายละเอียดอื่นๆ ให้ดูระเบียบต่างๆ ที่คริสตจักรได้กำหนดไว้
8. การตระเตรียมก่อนประชุมมงคลสมรส
1. มาพบผู้รับผิดชอบ กำหนดวันเวลาที่แน่นอนล่วงหน้าเนิ่นๆ
2. กำหนดเรื่องชุดเจ้าบ่าวเจ้าสาวให้เหมาะสมเรียบร้อยตลอดจนมีที่คลุมศีรษะของเจ้าสาวตามการนำพาของคริสตจักร
2.1 การแต่งกาย
(1) เสื้อผ้า
- ชุดเจ้าบ่าว เสื้อแขนยาวสีขาว กางเกงขายาวสีเข้ม ผูกเน็คไท ใส่สูทสุภาพ
- ชุดเจ้าสาว ควรมิดชิด เปิดใบหน้าและคอ มีผ้าคลุมศีรษะ กระโปรงไม่ยาวจนลากพื้น ชุดเจ้าสาวควรเป็นสีขาวหรือครีมอ่อน เน้นบริสุทธิ์, สดใสสว่างดูงดงาม
(2) ใบหน้า/ทรงผม
- เจ้าบ่าว ไม่แต่งใบหน้า / ทรงผมสุภาพเรียบร้อย
- เจ้าสาว ไม่แต่งใบหน้า-ทาปาก-เขียนคิ้วจนเข้มเกินไป ทรงผมสุภาพเรียบร้อย (มีผ้าคลุมศีรษะ)
*ให้รวมถึงบิดามารดาผู้ปกครองญาติผู้ใหญ่ฝ่ายเจ้าบ่าวเจ้าสาวควรสุภาพเรียบร้อยดูดีด้วย
3. กำหนดคู่มือประชุมสมรส ใช้กระดาษแบบไหน เพลงไหน ข้อพระคัมภีร์ใด
ตัวอย่างคู่มือของ พน.พลับพลา
ตัวอย่างคู่มือของ พน.เดชาธร
4. กำหนดเรื่องงานเลี้ยง หรือเครื่องดื่ม อาหารว่างในห้องประชุมและอื่นๆ
5. ชี้แจงพร้อมแจ้งระเบียบการใช้ห้องประชุมของคริสตจักร
6. ชี้แจงถึงขั้นตอนของการประชุมมงคลสมรสพร้อมซักซ้อมก่อนการประชุม
7. ชี้แจงถึงการตกแต่งประดับดอกไม้ที่ห้องประชุมอย่างไร
9. กำหนดการประชุมมงคลสมรสของพี่น้องวิสุทธิชนในพระคริสต์ ณ ห้องประชุมใหญ่คริสตจักรของพระเจ้าในกรุงเทพฯ
1. สามัคคีธรรมลงชื่อที่ห้องประชุม 106 ก่อนประชุมครึ่งชั่วโมง ทุกฝ่ายมาพร้อมกัน ร่วมอธิษฐานและลงนามในใบสำคัญการมงคลสมรส ซึ่งทะเบียนสมรสให้เขียนชื่อนามสกุลแต่ละฝ่ายให้ถูกต้องเรียบร้อยรวม 3 ฉบับ
2. ประชุมมงคลสมรสที่ห้องประชุมใหญ่ ก่อนประชุมครึ่งชั่วโมงเปิดเพลง/เปียโนบรรเลงเพลงสรรเสริญพระเจ้า ญาติพี่น้องแขกเหรื่อทยอยเข้ามานั่งในห้องประชุมใหญ่
3. เริ่มประชุม
(1) พิธีกรนำพาญาติพี่น้องแขกเหรื่อในที่ประชุมร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้าบทเพลงที่ 1
(2) เจ้าบ่าวเจ้าสาว พ่อแม่/ผู้ปกครองเดินขึ้นไปเป็นคู่ๆหยุดรอที่หน้าประตู 1
(3) พิธีกรนำพาที่ประชุมยืนขึ้นร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้า (บทเพลงที่ 1 อีกครั้ง)
(4) พิธีกรให้สัญญาณ เจ้าหน้าที่ฝ่ายต้อนรับเปิดประตู
(5) เจ้าบ่าวเจ้าสาว พ่อแม่/ผู้ปกครอง เดินเข้าห้องประชุม นั่งตามที่นั่งที่จัดไว้ (ทั้งนี้ จะมีพี่น้องสองสามีภรรยาเป็นพี่เลี้ยงเดินนำหน้าพาเจ้าบ่าวเจ้าสาวเข้าประตู โดยมีผู้ปกครองเดินตามเป็นคู่ๆเข้ามา และเชิญนั่งตามที่นั่งที่กำหนดไว้
(6) พิธีกรกล่าวแนะนำเจ้าบ่าวเจ้าสาว พ่อแม่/ผู้ปกครองฝ่ายเจ้าบ่าว/ฝ่ายเจ้าสาว
(7) พิธีกรประกาศพิธีแลกแหวนระหว่างเจ้าบ่าวเจ้าสาว และขอเชิญเจ้าบ่าวเจ้าสาว พ่อแม่/ผู้ปกครองทั้งสองฝ่ายออกมายืนด้านหน้าโต๊ะเวที
(8) พิธีกรอธิบาย (โดยเลือกข้อพระคัมภีร์สักหนึ่งข้อในวงเล็บข้างหลัง) ถึงความสำคัญและความหมายของการสวมแหวนเป็นมัดจำต่อกัน (อฟ.1:3; 2 กธ.1:22, 5:5,11:2)
(9) พิธีกรเชิญคุณพ่อคุณแม่เจ้าบ่าวส่งแหวนให้เจ้าบ่าวและให้เจ้าบ่าวสวมแหวนให้เจ้าสาว พร้อมถ่ายรูป พิธีกรเชิญคุณพ่อคุณแม่เจ้าสาวส่งแหวนให้เจ้าสาว และให้เจ้าสาวสวมแหวนให้เจ้าบ่าว ในขณะสวมแหวนนั้นให้คว่ำมือในลักษณะเฉียง 45 องศาเพื่อถ่ายรูป
- เสร็จพิธีแลกแหวน
- เชิญคุณพ่อคุณแม่เจ้าบ่าวเจ้าสาวกลับไปนั่งประจำที่
ตัวอย่างการประชุมมงคลสมรสในพระคริสต์ ระหว่าง พี่น้องอำพล จาระพันธุ์ กับ พี่น้อง Yang Yiran
วันที่ 22 พฤษภาคม 2021 ณ สถานที่คริสตจักรของพระเจ้าในกรุงเทพฯ
10. ระเบียบการใช้ห้องประชุมสำหรับการประชุมมงคลสมรสของผู้เชื่อ
1. ต้องเป็นผู้เชื่อท่ามกลางการฟื้นฟูขององค์พระผู้เป็นเจ้าทั้งชายและหญิง ถ้ามีผู้ไม่เชื่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ก็ไม่อาจใช้สถานที่ประชุมจัดงานสมรสได้
2. การประชุมมงคลสมรสต้องให้คริสตจักรของพระเจ้าในกรุงเทพฯ เป็นผู้ดำเนินการและเป็นไปตามวิธีปฏิบัติของคริสตจักรเท่านั้น และให้มีหนังสือคู่มือที่มีเพลงและข้อพระคัมภีร์ ซึ่งคู่บ่าวสาวสามารถเลือกได้ร่วมกับคริสตจักร
3. ถ้ามีงานเลี้ยงที่ห้องประชุม รายการเคลื่อนไหวทั้งหมดบนเวทีต้องอยู่ในการกำกับดูแลของคริสตจักรโดยตลอด ไม่อนุญาตคณะนิกายต่างๆ มาร้องเพลงกลุ่มหรือเทศนาใดๆ
4. ไม่อนุญาตให้ผู้ที่ไม่เชื่อมาดำเนินการใดๆ ในการประชุม เช่น ร้องเพลง, กล่าวคำอวยพร, สวมพวงมาลัย หรือธรรมเนียมปฏิบัติอื่นๆ ฯลฯ ยกเว้นกรณีผู้ปกครองของคู่บ่าวสาวที่ยังไม่เชื่อ จะเชิญให้ลุกขึ้นกล่าวขอบคุณสำหรับแขกผู้มาร่วมประชุมเท่านั้น
5. กรณีมีงานเลี้ยงที่ห้องประชุม ไม่อนุญาตให้ตั้งโต๊ะเก็บซองและจดบันทึก หรือสมุดเขียนคำอวยพร แต่สามารถเขียนชื่อคู่บ่าว–สาวบนซองมอบถวายใส่ลงในตู้ถวายทรัพย์ กรณีเป็นของขวัญก็ให้เจ้าภาพจัดคนมารับไปเก็บรักษาไว้
6. กรณีแจกของชำร่วย ก็ควรแจกแก่ทุกคนที่มาร่วมงานในขณะรับประทานอาหาร ถ้าเป็นหนังสือกิตติคุณสามารถแจกเฉพาะผู้ที่ไม่เชื่อก็ได้ หรือจะไม่แจกของชำร่วยใดๆ ก็ดี
7. การแต่งกายของคู่บ่าวสาวต้องเรียบร้อยและบริสุทธิ์ ให้สมกับแบบเล็งของพระคริสต์และคริสตจักร ควรสามัคคีธรรมกับผู้รับผิดชอบให้เห็นชอบชุดของคู่สมรสด้วย
8. สมรสควรนำทะเบียนสมรสของทางราชการที่ไปจดไว้มาแสดงให้เห็นเพื่อการเป็นพยาน ในวันประชุมมงคลสมรสที่คริสตจักรยังต้องจดใบสำคัญการสมรสของคริสตจักรด้วย และต้องมีการแลกแหวนสมรสด้วยกัน
9. ในวันสมรสนั้น คู่บ่าวสาวต้องมีผู้ปกครองมายืนยันและรับรองการสมรสนี้ โดยการเซ็นชื่อในทะเบียนสมรสของคริสตจักร
10. การตกแต่งสถานที่และเวทีห้องประชุมต้องเป็นไปตามวิธีปฏิบัติของคริสตจักร โดยอยู่ภายใต้การสามัคคีธรรมกับผู้รับผิดชอบคริสตจักร ไม่อนุญาตให้มีรูปถ่ายหรืออัลบั้มรูปถ่ายคู่บ่าวสาวมาติดประดับหรือฉายโปรเจกเตอร์บรรดารูปถ่ายทั้งหลายหรือวีดีทัศน์ในที่ประชุม
11. ค่าน้ำประปา, ค่าไฟฟ้า ในการใช้ห้องประชุมแต่ละครั้ง 5,000 บาท (ต้องเป็นวันเสาร์อาทิตย์หรือวันหยุดราชการ) ถ้าเป็นวันธรรมดา 8,000 บาท ถ้ามีงานเลี้ยงในห้องประชุมชั้น 2 หลังงานเลี้ยงต้องจ่ายค่าเก็บกวาดทำความสะอาดอีก 10,000 บาท
12. กรณีจัดงานเลี้ยงชั้นล่างหลังงานเลี้ยงต้องรับผิดชอบเก็บ กวาด ล้างหรือชำระค่าทำความสะอาด 3,000 บาท
หมายเหตุ : เริ่มใช้ระเบียบนี้ตั้งแต่ปี 2016 คริสตจักรของพระเจ้าในกรุงเทพฯ